โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ

กฎของอุปทานเป็นไปตามข้อใด
1. ราคาสินค้าและปริมาณขายเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน
2. ราคาสินค้าจะไม่มีผลกระทบต่อปริมาณการเสนอขาย
3. ถ้าราคาสูงขึ้นปริมาณเสนอขายจะเท่าเดิม
4. ราคาสินค้าและปริมาณขายเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้าม
จากตารางตามกลไกราคาของตลาดส้มเขียวหวาน ณ ระดับราคาใดทำให้เกิดดุลยภาพของตลาด
1. 30 บาท
2. 40 บาท
3. 50 บาท
4. 20 บาท
จากตาราง ณ ระดับราคาใดที่ทำให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาดมากที่สุด
1. 50 บาท
2. 40 บาท
3. 30 บาท
4. 20 บาท
อุปทาน supply หมายถึงอะไร
1. ความต้องการของผู้ประกอบการในการขายสินค้าและบริการ
2. ความต้องการของผู้ผลิตที่จะซื้อสินค้าและบริการ
3. ความต้องการของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าและบริการ
4. ความต้องการของผู้ขายสินค้าในการซื้อสินค้าและบริการ
กฎของอุปสงค์ต่อราคากล่าวว่าอย่างไร
1. เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้นปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะลดลง
2. เมื่อราคาสินค้าต่ำลงปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะลดลง
3. เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้นปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะสูงขึ้น
4. เมื่อต้นทุนราคาสินค้าสูงขึ้นปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะเพิ่มขึ้น
กฎของอุปทาน แสดงถึงอะไร
1. ความสัมพันธ์ในทางเดียวกันระหว่างราคาสินค้าและปริมาณอุปทาน
2. ความสัมพันธ์ในทางตรงข้ามระหว่างปริมาณเสนอซื้อและปริมาณเสนอขาย
3. ความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามระหว่างราคาสินค้าและปริมาณอุปทาน
4. ความสัมพันธ์ในทางเดียวกันระหว่างปริมาณเสนอซื้อและปริมาณเสนอขาย
ข้อใดจัดเป็นกฎของอุปทาน Law of Supply
1. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการขายมากขึ้น
2. เมื่อราคาสินค้าและบริการต่ำลงความต้องการขายมากขึ้น
3. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการขายลดลง
4. ราคาของสินค้าและบริการไม่มีผลต่อการอุปโภคหรือบริโภค
ข้อใดคืออุปทาน
1. ความต้องการของผู้ผลิตหรือผู้ขาย ในการขายสินค้าและบริการ ที่ผู้ผลิตเสนอขายในระยะเวลาหนึ่ง
2. การตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าและบริการที่ทำให้ตนได้รับความพอใจมากที่สุด
3. กระบวนการผลิตสินค้าหรือบริการ ที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับอรรถประโยชน์สูงสุด
4. ความต้องการของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าและบริการในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้เพราะจำนวนประชากร รสนิยมในการบริโภค
คำว่า "อุปทานลดลง" น่าจะสอดคล้องกับข้อใด
1. ถ้าให้ขายสินค้าราคาถูกลง ผู้ผลิตจะขายในปริมาณน้อยลง
2. ถ้าให้ขายสินค้าราคาสูง ผู้ผลิตจะขายในปริมาณเพิ่มขึ้น
3. ถ้าให้ขายสินค้าปริมาณเพิ่ม ผู้ผลิตจะขายในปริมาณน้อยลง
4. ถ้าให้ขายสินค้าราคาถูกลง ผู้ผลิตจะขายในปริมาณเพิ่มขึ้น
การลดลงของราคารถจักรยานยนต์ ปริมาณขายรถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเป็นผลมาจากอะไร
1. การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์
2. การลดลงของอุปสงค์
3. การลดลงของอุปทาน
4. การเพิ่มขึ้นของอุปทาน
ตามกลไกราคาเหตุการณ์ของการขาดแคลนข้าวเกิดขึ้นเมื่อใด
1. ปริมาณอุปสงค์ของข้าวมีมากกว่าปริมาณอุปทานของข้าว
2. ปริมาณอุปทานของข้าวมีมากกว่าปริมาณอุปสงค์ของข้าว
3. ผลผลิตข้าวปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว
4. ผลผลิตข้าวปีนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว
ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
1. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการซื้อจึงมากขึ้น
2. เมื่อราคาสินค้าและบริการต่ำลงความต้องการซื้อจึงมากขึ้น
3. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการขายจึงมากขึ้น
4. เมื่อราคาสินค้าและบริการต่ำลงความต้องการขายจึงต่ำลง
ข้อใดน่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณการจำหน่ายบนเส้นอุปทานของน้ำมันเบ็นซินหน้าปั้ม
1. ราคาน้ำมันเบ็นซิน
2. ราคาน้ำมันดีเซล
3. ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95
4. ราคาปิโตรเลียม
จากรูปข้างบนนี้ การแสดงทิศทางของลูกศรจากจุด A มายังจุด B มีความหมายตรงกับข้อใด
1. ปริมาณขายลดลง
2. อุปทานเพิ่มขึ้น
3. อุปสงค์ลดลง
4. ปริมาณซื้อลดลง
การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยในข้อใด ไม่ใช่ สาเหตุที่ทำให้อุปสงค์สำหรับสินค้าเปลี่ยนแปลง
1. การคาดคะเนเกี่ยวกับราคาของผู้บริโภค
2. ราคาของสินค้าชนิดนั้น
3. รายได้ของผู้บริโภค
4. รสนิยมของผู้บริโภค
รูปต่อไปนี้แสดงอุปสงค์ (D) และอุปทาน (S) ของตลาดสินค้าชนิดหนึ่ง

สมมติว่า ระดับราคาอยู่ที่หน่วยละ 20 บาท ถ้านักเรียนเป็นเป็นผู้ผลิตสินค้า
นักเรียนจะทำอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด
1. ขึ้นราคาสินค้า และเพิ่มปริมาณการผลิต
2. ขึ้นราคาสินค้าและลดปริมาณการผลิต
3. ลดราคาสินค้าและเพิ่มปริมาณการผลิต
4. ลดราคาสินค้าและลดปริมาณการผลิต
ถ้าราคาน้ำตาลทราย เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 15 บาท เป็น 25 บาท ตามกฎอุปสงค์ (Law of Demand)จะทำให้เกิดผลในข้อใด
1. ปริมาณการเสนอซื้อจะลดลง
2. ปริมาณการเสนอขายจะสูงขึ้น
3. ปริมาณการเสนอขายจะต่ำลง
4. ปริมาณการเสนอซื้อจะสูงขึ้น
การกำหนดราคาเชิงกลยุทธ์สอดคล้องกับข้อใด
1. การกำหนดราคาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด
2. การกำหนดราคาสินค้าในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์
3. การกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทาน
4. การกำหนดราคาโดยผู้ซื้อ
ราคาสินค้าที่ทำให้เกิด “อุปสงค์ส่วนเกิน” คือราคาในข้อใด
1. ราคาที่ต่ำกว่าราคาดุลยภาพ
2. ราคาที่เกินต้นทุน
3. ราคาดุลยภาพ
4. ราคาที่สูงกว่าราคาดุลยภาพ
ข้อใดสอดคล้องกับ “อุปสงค์ตลาด” ของหนังสือพิมพ์สยามกีฬารายวัน มากที่สุด
1. มีผู้ซื้อไปอ่านวันละ 300,000 บาท
2. ร้านค้าในตลาดรับมาขายวันละ 30 ฉบับ
3. นายธาดาซื้อมาอ่านสัปดาห์ละ 3 ฉบับ
4. ยอดผลิตของบริษัทฯ วันละ 300,000 ฉบับ
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ มีลักษณะอย่างไร
1. ผู้ผลิตจำนวนมาก ขายสินค้าตามราคาตลาด
2. ผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาแข่งขันในตลาดได้ยาก
3. ผู้ผลิตจำนวนน้อย แข่งขันกันทางด้านราคา
4. ผู้ผลิตจำนวนมาก สามารถกำหนดราคาเองได้
ตลาดประเภทใดที่ไม่มีการแข่งขันของผู้ผลิต
1. ตลาดผูกขาด
2. ตลาดผู้ขายน้อยราย
3. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
4. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ข้อใดจัดเป็นสินค้าในตลาดผู้ขายน้อยราย
1. รถยนต์
2. รถไฟฟ้า
3. ข้าวเปลือก
4. ข้าวขาหมู
ข้อดีของตลาดแบบผูกขาด คือข้อใด
1. มีการวิจัยและพัฒนาเทคนิคการผลิต
2. มีสินค้าหลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือก
3. ปริมาณการผลิตไม่มาก ทำให้ประหยัดทรัพยากร
4. ผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคายุติธรรม
ความสำคัญของตลาดคือข้อใด
1. ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้รับประโยชน์จากการซื้อขาย
2. ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาพบปะกัน
3. ช่วยให้ผู้ผลิตมีรายได้จากการขายสินค้า
4. ช่วยให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าในราคายุติธรรม
ข้อใดเป็นสาเหตุของความล้มเหลวของตลาดหรือกลไกราคา
1. การผูกขาดการผลิตในสินค้าบางชนิด
2. การกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม
3. การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล
4. อุปสงค์ของผู้บริโภคสูงกว่าอุปทานของผู้ผลิต
ตลาดประเภทใดที่ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องโฆษณาสินค้า
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
2. ตลาดผู้ขายน้อยราย
3. ตลาดผูกขาด
4. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยถือเป็นตลาดประเภทใด
1. ผู้ขายน้อยราย
2. แข่งขันสมบูรณ์
3. กึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
4. ผูกขาด
ข้อใดไม่ใช่มาตรการในการแก้ไขปัญหาตลาดมืด
1. ให้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์แก่ผู้บริโภค
2. ปราบปรามผู้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า
3. เร่งผลิตสินค้าที่ขาดแคลนมากขึ้น
4. สั่งซื้อสินค้าที่ขาดแคลนจากต่างประเทศ
ข้อใดไม่ใช่ตลาดปัจจัยการผลิต
1. ตลาดหุ้น
2. ตลาดทราย
3. ตลาดแรงงาน
4. ตลาดโคกระบือ
รูปต่อไปนี้แสดงอุปสงค์ (D) และอุปทาน (S) ของตลาดสินค้าชนิดหนึ่ง
ปริมาณสินค้าที่หน่วยธุรกิจควรผลิตควรอยู่ ณ ตำแหน่งใดจึงเกิดราคาดุลยภาพ
1. QE
2. Q1
3. O
4. Q2
รูปต่อไปนี้แสดงอุปสงค์ (D) และอุปทาน (S) ของตลาดสินค้าชนิดหนึ่ง
ปริมาณสินค้าที่หน่วยผลิต น่าจะอยู่ ณ ตำแหน่งใด ถ้ารัฐกำหนดราคาP min จะไม่เกิดสินค้าล้นตลาด
1. Q1
2. Q2
3. QE
4. O
รูปต่อไปนี้แสดงอุปสงค์ (D) และอุปทาน (S) ของตลาดสินค้าชนิดหนึ่ง
ถ้ารัฐกำหนดราคาPmin บริเวณสี่เหลี่ยม A B Q2 Q1 เรียกว่าอะไร
1. อุปทานส่วนเกิน
2. สินค้าทุน
3. สินค้าที่ผู้ซื้อรับไปบริโภค
4. อุปสงค์ส่วนเกิน
รูปต่อไปนี้แสดงอุปสงค์ (D) และอุปทาน (S) ของตลาดสินค้าชนิดหนึ่ง
จากกราฟที่แสดงดังภาพน่าจะเป็นสินค้าอะไรในประเทศไทย
1. ข้าวเปลือก
2. คอมพิวเตอร์
3. รถยนต์TOYOTA
4. ข้าวสารเหนียว
ข้อใดเป็นลักษณะเด่นที่สุดที่ปรากฏในระบบเศรษฐกิจของประเทศ
1. บทบาทของรัฐบาลและเอกชนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
2. บทบาทของรัฐบาลในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้าต่างประเทศ
3. บทบาทของรัฐบาลในทางเศรษฐกิจและการปกครอง
4. ปริมาณการผลิตและการบริโภคของประชาชนในประเทศและการค้าต่างประเทศ
ลักษณะที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเป็นอย่างไร
1. ใช้กลไกราคาในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ
2. มีการใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
3. มีการวางแผนจากส่วนกลางแต่เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ
4. เอกชนถูกควบคุมและชี้นำโดยรัฐบาล
ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ ลักษณะของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
1. การจัดสินค้าเป็นไปอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันเสมอ
2. ใช้กลไกราคาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
3. เอกชนดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเน้นผลประโยชน์ส่วนบุคคล
4. เอกชนมีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ตามกฎหมาย
ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันเป็นแบบใด
1. แบบผสมที่ค่อนไปทางทุนนิยม
2. แบบทุนนิยมอย่างสมบูรณ์แบบ
3. แบบทุนนิยมที่ค่อนไปทางสังคมนิยม
4. แบบผสมที่ค่อนไปทางสังคมนิยม
ข้อใดเป็นข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
1. มีความเท่าเทียมกันในฐานะทางเศรษฐกิจระหว่างบุคคล
2. เอกชนมีเสรีภาพในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
3. การจัดสรรทรัพยากรมีประสิทธิภาพ
4. มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เครื่องมือเพื่อแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะของระบบเศรษฐกิจไทย
1. รัฐบาลยินยอมให้เอกชนกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจทั้งหมด
2. เป็นแบบผสมที่ผู้ประกอบการเอกชนมีบทบาทสำคัญ
3. มีรัฐบาลเป็นผู้ผูกขาดกิจการด้านการผลิตบางประเภท
4. มีการแข่งขันกันมากโดยเฉพาะในกิจการขนาดเล็ก
ข้อใดตรงกับความหมายของ “ตลาด” ในทางเศรษฐศาสตร์มากที่สุด
1. การตกลงซื้อขายสินค้าหรือบริการ
2. แหล่งพบปะระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
3. การจำหน่ายสินค้าหรือบริการ
4. สถานที่สำหรับซื้อขายสินค้าและบริการ
องค์ประกอบที่สำคัญของตลาดตรงกับข้อใด
1. ผู้ซื้อผู้ขาย สินค้าหรือบริการ
2. สถานที่ ผู้ซื้อผู้ขาย
3. สถานที่ ผู้ซื้อ สินค้าและบริการ
4. สถานที่ ผู้ขาย สินค้าหรือบริการ
ความสำคัญของตลาดต่อระบบเศรษฐกิจคือข้อใด
1. ผู้ซื้อและผู้ขายได้รับประโยชน์จากการซื้อขาย
2. ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าในราคายุติธรรม
3. ผู้ผลิตมีรายได้จากการขายสินค้า
4. ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาพบกัน
ข้อใดไม่ใช่ตลาดปัจจัยการผลิต
1. ตลาดหุ้น
2. ตลาดโคกระบือ
3. ตลาดแรงงาน
4. ตลาดทราย
ข้อใดเป็นลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์
1. มีผู้ผลิตจำนวนมาก แต่ละรายขายสินค้าราคาตลาด
2. มีผู้ผลิตจำนวนน้อยแต่ละรายมีการแข่งขันด้านโฆษณา
3. มีผู้ผลิตจำนวนน้อยแต่ละรายมีการแข่งขันกันทางด้านราคา
4. มีผู้ผลิตจำนวนมาก แต่ละรายสามารถกำหนดราคาเองได้
สินค้าตามข้อใดที่มีโครงสร้างตลาดใกล้เคียงกับตลาดแข่งขันสมบูรณ์มากที่สุด
1. ข้าวเปลือก
2. ข้าวแช่
3. ข้าวสารบรรจุถุง
4. ข้าวมันไก่
ตลาดรูปแบบใดที่ไม่มีการแข่งขันของผู้ผลิต
1. ตลาดผูกขาด
2. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
3. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
4. ตลาดผูกขาดน้อยราย
ตลาดรูปแบบใดที่ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องโฆษณาสินค้า
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
2. ตลาดผูกขาดน้อยราย
3. ตลาดผูกขาด
4. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยถือเป็นตลาด ประเภทใด
1. ตลาดผูกขาดน้อยราย
2. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
3. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
4. ตลาดผูกขาด
ผู้รับราคา (price taker) อยู่ในตลาดรูปแบบใด
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
2. ตลาดผูกขาดน้อยราย
3. ตลาดผูกขาด
4. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ มีลักษณะอย่างไร
1. ผู้ผลิตจำนวนมาก ขายสินค้าตามราคาตลาด
2. ผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาแข่งขันในตลาดได้ยาก
3. ผู้ผลิตจำนวนน้อย แข่งขันกันทางด้านราคา
4. ผู้ผลิตจำนวนมาก สามารถกำหนดราคาเองได้
ตลาดประเภทใดที่ไม่มีการแข่งขันของผู้ผลิต
1. ตลาดผูกขาด
2. ตลาดผู้ขายน้อยราย
3. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
4. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ข้อใดจัดเป็นสินค้าในตลาดผู้ขายน้อยราย
1. รถยนต์
2. รถไฟฟ้า
3. ข้าวเปลือก
4. ข้าวขาหมู
ข้อดีของตลาดแบบผูกขาด คือข้อใด
1. มีการวิจัยและพัฒนาเทคนิคการผลิต
2. ผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคายุติธรรม
3. มีสินค้าหลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือก
4. ปริมาณการผลิตไม่มาก ทำให้ประหยัดทรัพยากร
ความสำคัญของตลาดคือข้อใด
1. ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้รับประโยชน์จากการซื้อขาย
2. ช่วยให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าในราคายุติธรรม
3. ช่วยให้ผู้ผลิตมีรายได้จากการขายสินค้า
4. ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาพบปะกัน
ข้อใดเป็นสาเหตุของความล้มเหลวของตลาดหรือกลไกราคา
1. การผูกขาดการผลิตในสินค้าบางชนิด
2. การกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม
3. การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล
4. อุปสงค์ของผู้บริโภคสูงกว่าอุปทานของผู้ผลิต
ตลาดประเภทใดที่ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องโฆษณาสินค้า
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
2. ตลาดผูกขาด
3. ตลาดผู้ขายน้อยราย
4. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยถือเป็นตลาดประเภทใด
1. ผู้ขายน้อยราย
2. แข่งขันสมบูรณ์
3. ผูกขาด
4. กึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ข้อใดไม่ใช่มาตรการในการแก้ไขปัญหาตลาดมืด
1. ให้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์แก่ผู้บริโภค
2. เร่งผลิตสินค้าที่ขาดแคลนมากขึ้น
3. ปราบปรามผู้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า
4. สั่งซื้อสินค้าที่ขาดแคลนจากต่างประเทศ
ข้อใดไม่ใช่ตลาดปัจจัยการผลิต
1. ตลาดหุ้น
2. ตลาดทราย
3. ตลาดแรงงาน
4. ตลาดโคกระบือ
ข้อใดคืออุปทาน
1. ความต้องการของผู้ผลิตหรือผู้ขาย ในการขายสินค้าและบริการ ที่ผู้ผลิตเสนอขายในระยะเวลาหนึ่ง
2. ความต้องการของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าและบริการในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้เพราะจำนวนประชากร รสนิยมในการบริโภค
3. การตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าและบริการที่ทำให้ตนได้รับความพอใจมากที่สุด
4. กระบวนการผลิตสินค้าหรือบริการ ที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับอรรถประโยขน์สูงสุด
กฎของอุปสงค์ต่อราคากล่าวว่าอย่างไร
1. เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้นปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะลดลง
2. เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้นปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะสูงขึ้น
3. เมื่อราคาสินค้าต่ำลงปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะลดลง
4. เมื่อต้นทุนราคาสินค้าสูงขึ้นปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะเพิ่มขึ้น
ข้อใดจัดเป็นกฎของอุปทาน Law of Supply
1. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการขายมากขึ้น
2. เมื่อราคาสินค้าและบริการต่ำลงความต้องการขายมากขึ้น
3. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการขายลดลง
4. ราคาของสินค้าและบริการไม่มีผลต่อการอุปโภคหรือบริโภค
คำว่า "อุปทานลดลง" น่าจะสอดคล้องกับข้อใด
1. ถ้าให้ขายสินค้าราคาถูกลง ผู้ผลิตจะขายในปริมาณน้อยลง
2. ถ้าให้ขายสินค้าราคาถูกลง ผู้ผลิตจะขายในปริมาณเพิ่มขึ้น
3. ถ้าให้ขายสินค้าปริมาณเพิ่ม ผู้ผลิตจะขายในปริมาณน้อยลง
4. ถ้าให้ขายสินค้าราคาสูง ผู้ผลิตจะขายในปริมาณเพิ่มขึ้น
การลดลงของราคารถจักรยานยนต์ ปริมาณขายรถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเป็นผลมาจากอะไร
1. การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์
2. การลดลงของอุปสงค์
3. การลดลงของอุปทาน
4. การเพิ่มขึ้นของอุปทาน
ตามกลไกราคาเหตุการณ์ของการขาดแคลนข้าวเกิดขึ้นเมื่อใด
1. ปริมาณอุปสงค์ของข้าวมีมากกว่าปริมาณอุปทานของข้าว
2. ปริมาณอุปทานของข้าวมีมากกว่าปริมาณอุปสงค์ของข้าว
3. ผลผลิตข้าวปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว
4. ผลผลิตข้าวปีนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว
ข้อใดน่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณการจำหน่ายบนเส้นอุปทานของน้ำมันเบ็นซินหน้าปั้ม
1. ราคาน้ำม้นเบ็นซิน
2. ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95
3. ราคาน้ำมันดีเซล
4. ราคาปิโตรเลียม
กฎของอุปทาน แสดงถึงอะไร
1. ความสัมพันธ์ในทางเดียวกันระหว่างราคาสินค้าและปริมาณอุปทาน
2. ความสัมพันธ์ในทางเดียวกันระหว่างปริมาณเสนอซื้อและปริมาณเสนอขาย
3. ความสัมพันธ์ในทางตรงข้ามระหว่างปริมาณเสนอซื้อและปริมาณเสนอขาย
4. ความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามระหว่างราคาสินค้าและปริมาณอุปทาน
ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
1. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการซื้อจึงมากขึ้น
2. เมื่อราคาสินค้าและบริการต่ำลงความต้องการซื้อจึงมากขึ้น
3. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการขายจึงมากขึ้น
4. เมื่อราคาสินค้าและบริการต่ำลงความต้องการขายจึงต่ำลง
อุปทาน suply หมายถึงอะไร
1. ความต้องการของผู้ประกอบการในการขายสินค้าและบริการ
2. ความต้องการของผู้ผลิตที่จะซื้อสินค้าและบริการ
3. ความต้องการของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าและบริการ
4. ความต้องการของผู้ขายสินค้าในการซื้อสินค้าและบริการ
ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบที่ทำให้อุปสงค์จะสัมฤทธิ์ผล ( Effective Demand )
1. ต้นทุนการผลิต( production cost)
2. ความต้องการซื้อ( Want )
3. อำนาจซื้อ ( Purchasing Power )
4. ความเต็มใจที่จะซื้อ ( Ability and Willingness )
ราคาสินค้าที่ทำให้เกิด “อุปสงค์ส่วนเกิน” คือราคาในข้อใด
1. ราคาที่ต่ำกว่าราคาดุลยภาพ
2. ราคาที่สูงกว่าราคาดุลยภาพ
3. ราคาที่เกินต้นทุน
4. ราคาดุลยภาพ
ตามกลไกราคาเหตุการณ์ของการขาดแคลนน้ำตาลทรายเกิดขึ้นเมื่อใด
1. ปริมาณอุปสงค์ของน้ำตาลทรายมีมากกว่าปริมาณอุปทานของน้ำตาลทราย
2. ปริมาณอุปทานของน้ำตาลทรายมีมากกว่าปริมาณอุปสงค์ของน้ำตาลทราย
3. ผลผลิตน้ำตาลทรายปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว
4. ผลผลิตน้ำตาลทรายปีนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว
ข้อใดเป็นสินค้าขั้นสุดท้าย
1. ข้าวผัดกระเพา
2. ข้าวหอมมะลิ
3. ข้าวขาว100 เปอร์เซนต์
4. ข้าวเปลือก
ข้อใดจัดเป็นสินค้าทุน
1. รถไถของชาวนา
2. รถจักรยานเสือภูเขา
3. รถเก๋งส่วนบุคคล
4. รถยนต์เปิดประทุน
ข้อใดต่อไปนี้จัดเป็นไม่จัดเป็นทุนของชาวนาตามความหมายของปัจจัยการผลิต
1. น้ำในนาข้าวของชาวนา
2. กระบือที่ใช้ในการไถนา
3. ข้าวเปลือกที่รับพระราชทานมาจากวันแรกนาขวัญ
4. ปุ๋ยที่เหลือจากการทำนาเมื่อปีที่แล้ว
ข้อใดคือสินค้าที่นายวันชัยบริโภคภายในเวลา หนึ่งวัน นายวันชัย บริโภคสินค้าคงทนและสินค้าไม่คงทน
1. รถยนต์ โทรทัศน์ และยาสีฟัน
2. อาหาร เครื่องสำอาง และ ยาแก้ปวด
3. เสื้อผ้า เครื่องประดับ และโต๊ะอาหาร
4. สบู่ น้ำหอม และดูภาพยนตร์
ข้อใดไม่ใช่วิธีการที่ผู้ผลิตใช้แก้ปัญหาพื้นฐานในทางเศรษฐกิจ
1. สมรักเลือกบริเวณสวนจตุจักรในการประกอบอาชีพ
2. สมศรีเลือกอาชีพขายกาแฟสด
3. สมศักดิ์เลือกผลิตสินค้าสำหรับวัยรุ่นเท่านั้น
4. สมใจเลือกใช้ปัจจัยการผลิตที่ทำให้ต้นทุนต่ำ
ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
1. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการซื้อจึงมากขึ้น
2. เมื่อราคาสินค้าและบริการต่ำลงความต้องการซื้อจึงมากขึ้น
3. เมื่อราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นความต้องการขายจึงมากขึ้น
4. เมื่อราคาสินค้าและบริการต่ำลงความต้องการขายจึงต่ำลง
ราคาสินค้าที่ทำให้เกิด “อุปทานส่วนเกิน” คือราคาในข้อใด
1. ราคาที่สูงกว่าราคาดุลยภาพ
2. ราคาที่ต่ำกว่าราคาดุลยภาพ
3. ราคาที่เกินต้นทุน
4. ราคาดุลยภาพ

โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ

ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน